วันพุธที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

วิตามินอาจเพิ่มอัตราความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตในคนชรา

ผู้เชี่ยวชาญชี้ การรับประทานที่มีประโยชน์นั้นช่วยให้เราได้รับสารอาหารเพียงพอแล้ว โดยไม่จำเป็นต้องได้รับสารอาหารเสริม
เมื่อนึกถึงวิตามิน ผู้คนทั่วไปส่วนใหญ่มักจะนึกว่ามันเป็นสิ่งที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์ แต่นักวิจัยเชื่อว่า การให้วิตามินเสริมนั้นจำเป็นและเป็นประโยชน์จริงๆสำหรับผู้ที่ขาดสารอาหารซึ่งต้องได้รับสารอาหารเพิ่มเติมเท่านั้น
แต่ผลการวิจัยทางการแพทย์พบ หากได้รับวิตามินเสริมมากเกินไปอาจเป็นอันตรายได้
สตรีส่วนใหญ่เมื่อถึงวัยอายุ 50-60 ปี ก็มักจะตัดสินใจบริโภคอาหารเสริม
ผลการวิจัยพบว่า วิตามินและแร่ธาตุเสริมได้แก่ วิตามินรวม กรดโฟลิก วิตามินบี 6 สังกะสี ทองแดง และเหล็ก ทำให้อัตราเสี่ยงต่อการเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น
นักวิจัยคิดว่า การที่ผู้บริโภคซื้ออาหารเสริมมารับประทานนั้น ผู้บริโภคไม่ทราบเลยว่าการที่ซื้อมารับประทานนั้นมีประโยชน์อย่างไรบ้าง
นักวิัจัยได้ทำการวิจัยกับสตรีชาวสหรัฐอเมริกากว่า 38,000 คน ที่บริโภคอาหารเสริมมากว่า 2 ทศวรรษ ผลการวิจัยบ่งชี้ว่า ธาตุอาหารเสริมควรจะใช้สำหรับผู้ที่จำเป็นจริงๆ เท่านั้น กล่าวคือมีหลักฐานทางการแพทย์ยืนยันอย่างชัดเจนว่าผู้ป่วยต้องการธาตุอาหารจริง เพราะว่า ธาตุอาหารเสริมเหล่านั้นสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
จากการวิจัย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เป็นธาตุเหล็กนั้นมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่ออัตราการเสียชีวิตมากที่สุดที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 2.4 % ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับ กล่าวคือถ้าได้รับในปริมาณมากอัตราความเสี่ยงก็มากตามไปด้วย
แต่ตรงกันข้าม กลับพบว่าแคลเซียมนั้นดูเหมือนว่าจะลดอัตราการเสียชีวิตได้  อย่างไรผลการวิจัยดังกล่าวยังไม่เป็นที่ยืนยันแน่ชัด เพราะต้องได้รับการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมอีก ดังนั้นคณะนักวิจัยจึงไม่แนะนำให้บริโภคแคลเซียม นอกเสียจากว่าแพทย์เป็นผู้สั่งเพื่อการรักษาโรค
Drs Christian Gluud และ Goran Bjelakovic ผู้สังเกตการณ์การวิจัยจาก Cochrane Database of Systematic Reviews แสดงความคิดเห็นว่า ความคิดที่ว่า ยิ่งบริโภคอาหารเสริมมากยิ่งดี เป็นความคิดที่ผิด พวกเขากล่าวว่า วัตถุประสงค์ของการใช้สารอาหารเสริมได้เปลี่ยนจากการใช้เพื่อป้องตนเองจากการขาดสารอาหารและแร่ธาตุต่างๆ มาเป็นเพื่อการบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดีและป้องกันตนเองจากโรคร้ายต่างๆ แต่คำเตือนก็คือ การรับประทานสารอาหารเสริมทุกชนิด การรับประทานอย่างไม่เพียงพอหรือการรับประทานมากเกินความจำเป็นนั้นอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้
Helen Bond จากสมาคมโภชนาการแห่งอังกฤษ กล่าวว่า การรับประทานแร่ธาตุเสริมนั้นอาจจะจำเป็นสำหรับผู้สูงอายุที่มีความต้องการจะได้รับวิตามินบางชนิด เช่นผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีมีความจำเป็นต้องได้รับวิตามิน D แต่สำหรับคนปกติแนะนำว่าควรจะได้รับวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ตามความต้องการของร่างกายจากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และมีสารอาหารต่างๆ ครบถ้วนก็เพียงพอแ้ล้ว แต่บางคนที่รับประทานธาตุอาหารเสริมเพื่อบำรุงร่างกายให้มีสุขภาพดี การรับประทานอย่างผิดๆ นั้น ในหลายๆ คนมันทำให้เกิดการเป็นพิษและส่งผลเสียต่อร่างกายได้
ที่มา : BBCNews Health

อ้างอิงจาก http://www.sciencenaru.com/vitamins-linked-with-higher-death-risk-in-older-women/?utm_source=twitterfeed&utm_medium=twitter

โรคโลหิตจาง SCA ทำให้ระดับ IQ ลดลง

เม็ดเลือดแดงรูปเคียว


โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว (sickle-cell anemia) หรือ SCA ซึ่งเป็นโรคโลหิตจางประเภทหนึ่งซึ่งเกิดจากความผิดปกติของเซลล์เม็ดเลือดแดงนั้น นอกจากจะมี อาการปวดอย่างรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ แล้ว จากผลการวิจัยทางการแพทย์ครั้งใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า โรคเม็ดเลือดแดงชนิดนี้อาจทำให้ความสามารถในการคิดลดลงในวัยรุ่นและวัยกลางคนอีกด้วย ซึ่งประมาณ 70,000 คนในสหรัฐฯเป็นโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวจะทำให้ โปรตีนฮีโมโกลบิน (hemoglobin protein) ที่ทำหน้าที่ขนส่งออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงผิดรูปไป ซึ่งการผิดรูปนี้จะทำให้เม็ดเลือดแดงแข็งและเว้า ทำให้เม็ดเลือดแดงดูเหมือนเคียว ซึ่งเป็นรูปตัว C ซึ่งรูปร่างแบบนี้จะไปขัดขวางการไหลเวียนของเลือด โรคนี้จะเกิดกับคนคนเชื้อสายแอฟริกามากที่สุด
ในการรักษาโรคโลหิตจางทั่วไป แพทย์จะคำนึงถึงอาการที่สมองขาดออกซิเจนด้วยเสมอ อันเนื่องมาจากการที่เลือดมีเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าปกติ สำหรับโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวนี้ ก็ควรจะคำนึงถึงสมองด้วยเช่นกัน แต่ในขณะนี้ยังไม่มีการคำนึงถึงเรื่องนี้เลย
เพื่อทดสอบความสัมพันธ์ของโรคที่จะทำให้ความสามารถในการคิดลดลง คณะนักวิจัยนำโดย Elliott Vichinsky แห่งกรมโลหิตวิทยาและมะเร็ง ในโรงพยาบาลเด็ก และศูนย์การวิจัยโอกแลนด์ ได้ทำการทดสอบกับผู้เข้าร่วมการทดสอบที่เป็นโรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียวจำนวน 149 คนที่มีอายุระหว่าง 19-55 ปี ที่ไม่มีประวัติการบาดเจ็บที่สมอง และไม่มีความผิดปกติของอวัยวะต่างๆ และไำด้ส่งผู้ควบคุมทางสุขภาพที่เป็นคน African-American เพื่อทดสอบระดับความสามารถทางการคิดวิเคราะห์หรือ IQ ผลปรากฎว่า ผู้ที่เป็นโรค SCA มีระดับ IQ ต่ำกว่าผู้ที่มีสุขภาพดี คือประมาณ 86.69 (คนปกติประมาณ 95.19) อีกทั้งการทดสอบในด้านความจำ และความสนใจทางด้านภาษา และการบริหารงานยังพบว่ากลุ่มผู้ป่วยโรค SCA นั้นขาดความสามารถในการควบคุมทางจิต
เพื่อยืนยันการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในสมอง นักวิจัยได้ทำ MRI (magnetic resonance imaging) กับผู้ป่วยโรค SCA บางคน และผู้ที่มีสุขภาพดี พวกเขาพบว่าขนาดของเนื้อสมองส่วน hippocampus หรือเนื้อสมองสีเทาไม่มีความแตกต่างกันเลยระหว่างผู้ที่เป็นโรค SCA กับผู้ที่มีสุขภาพดี แต่ด้วยอายุของสมอง ระดับความสามารถของการคิดของสมองทั้งหมดดูเหมือนจะลดลงในผู้ป่วยโรค SCA ซึ่งมีระดับฮีโมโกลบินต่ำกว่า พอๆ กับ ระดับการศึกษาที่ต่ำกว่า ทั้งสองอย่างนี้มีความสัมพันธ์กับการที่มีความสามารถในการคิดที่ด้อยกว่าในกลุ่มผู้ป่วย แต่นักวิจัยยังไม่ได้ทดสอบกับผู้ป่วยโรคโลหิตจางชนิดอื่นว่าจะทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ลดลงหรือไม่
SCIENTIFIC AMERICAN
http://www.scientificamerican.com/blog/post.cfm?id=sickle-cell-anemia-can-lead-to-lowe-2010-05-11

อ้างอิงจาก http://www.sciencenaru.com/%e0%b9%82%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%ab%e0%b8%b4%e0%b8%95%e0%b8%88%e0%b8%b2%e0%b8%87-sca-%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b9%89%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-iq/

นักวิจัยพบกลไกในเซลล์พืชต้านน้ำท่วม

สำหรับประเทศไทยและอีกหลายๆ ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้นอาชีพที่นำรายได้หลักเข้าสู่ประเทศคืออาชีพเกษตรกรรม แต่เมื่อเกิดภาวะน้ำท่วม พืชผลต่าง ก็เสียหายและตายลงอันเนื่องมาจากน้ำท่วมขัง ส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมาก แต่การวิจัยโดยนักวิิจัยชาวสหรัฐอเมริกาและอังกฤษล่าสุด ช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงจากความเสียหายเหล่านี้ได้
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียและมหาวิทยาลัยนอร์ทติงแฮม ค้นพบกลไกการป้องกันตัวของพืช โดยกลไกที่ว่านี้จะควบคุมโปรตีนชนิดหนึ่งของพืช โดยจะควบคุมโปรตีนตัวนี้ให้ไม่เสถียรเมื่อพืชได้รับออกซิเจนในระดับตามปกติคืออยู่ในสภาวะปกติ แต่เมื่อน้ำท่วมราก ลำต้น หรือใบ ทำให้โปรตีนนี้กลับมาเสถียร กล่าวคือกลับมาทำงานเพื่อควบคุมให้พืชได้รับออกซิเจนเพื่อการดำรงชีวิตตามปกติในภาวะที่น้ำท่วมพืช
ข้อมูลจาก : VOA News

อ้างอิงจาก  http://www.sciencenaru.com/plant-withstand-floods/#more-930