วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

มูลนิธิ B612 กับภารกิจพิทักษ์โลก


 มูลนิธิคือองค์กรที่รวบรวมทุน เงินบริจาค จากหลายภาคส่วน และจัดสรรเงินไปใช้เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณชน เราคงเคยได้ยินหรือได้รู้จักกิจกรรมของมูลนิธิต่างๆ กันมาบ้าง ซึ่งที่ได้ยินบ่อยมักจะเป็นมูลนิธิเกี่ยวกับช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางธรรมชาติ การช่วยเหลือเด็กและสตรี การปกป้องป่าและสัตว์ป่า เป็นต้น แต่มูลนิธิที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจจะฟังดูแปลกสักหน่อย เพราะพวกเขากำลังระดมทุนเพื่อปกป้องโลก

     ชื่อของมูลนิธิปกป้องโลกที่ว่านั้น คือ B612 หรือ B612 Foundation แค่ชื่อก็แปลกแล้ว ชื่อนี้ตั้งตามชื่อของอุกกาบาตบ้านของเจ้าชายน้อย (Little Prince) ตัวละครในนิทานเรื่อง Le Petit Prince นอกจากชื่อที่อย่างประหลาดฟังดูเหมือนหน่วยสืบราชการลับแล้ว เป้าหมายของพวกเขาประหลาดเหนือความคาดหมายยิ่งกว่า อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น พวกเขามีเป้าหมายที่จะปกป้องโลก โดย การส่งยานอวกาศขึ้นสู่อวกาศชื่อ Sentinal เพื่อหาตำแหน่งและทางโคจรของอุกกาบาตที่อยู่ใกล้โลกอย่างละเอียด จนเรียกได้ว่าทำแผนที่อุกกาบาตเลยทีเดียว

 
รูปซ้ายมือคือ โลโก้ของมูลนิธิ B612 และ รูปขวามือคือยานอวกาศเซนตินอล


     “อ้าวทำแผนที่อุกกาบาต มันก็คืองานของนักดาราศาสตร์ไม่ใช่หรือ แล้วจะไปปกป้องโลกได้อย่างไรล่ะ?” 
      มีภาพยนตร์ เกม นิยาย อยู่หลายเรื่อง ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหายนะโลกหลังอุกกาบาตหรือวัตถุขนาดใหญ่ชนโลก ความเสียหายที่น่ากลัวถูกแสดงผ่านจอให้พวกเราได้รับชม ผมคนหนึ่งก็เป็นผู้ที่ชอบรับชมหนังประเภทนี้ แต่ก็มีคำถามเกิดในใจว่า มีโอกาสมากน้อยแค่ไหน ที่อุกกาบาตขนาดใหญ่จะเคลื่อนที่มาชนโลก ก่อให้เกิดหายนะระดับวันสิ้น(มนุษย์)โลก คิดว่าคงมีโอกาสไม่มากที่จะเกิดเหตการณ์แบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ ทำไมหน่ะหรือ ก็เพราะว่า เส้นทางโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ก็เป็นทางผ่านของอุกกาบาตนับหมื่นนับแสนดวง มีตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ และที่สำคัญคือนักดาราศาสตร์ยังไม่เคยสำรวจหรือทำความรู้จักอุกกาบาตเหล่านั้นเลย!! เป้าหมายของมูลนิธินี้จึงเป็นการช่วยเหลือนักดาราศาสตร์ในมองหาอุกกาบาต "วายร้าย" นั้นเอง โดยทางองค์กรจะเฝ้าจับตามองอุกกาบาตดวงที่เส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่า 140 เมตร

     คาดการว่า ถ้าอุกกาบาตขนาด 140 เมตร เข้าชนโลก มันจะสร้างความเสียหายเทียบเท่าระเบิดนิวเคลียร์เลยทีเดียว (พลังทำลายประมาณระเบิด TNT หนัก 100 ล้านตัน)


แบบจำลองเส้นทางโคจรของอุกกาบาตในระบบสุริยะ แสดงให้เห็นว่ามีอุกกาบาตจำนวนมากที่เคลื่อนที่ตัดผ่านเข้ามาในวงโคจรของโลก (เส้นสีน้ำเงิน)

อุกกาบาตขนาดไม่ใหญ่ แต่ก็สร้างความเสียหายพอๆ กับระเบิดนิวเคลียร์ (รูปขวาคือ ระเบิดนิวเคลียร์สมัยสงครามเย็น ที่มีพลังทำลายราว 100 ล้านตันของระเบิด TNT)


     การสำรวจจะทำไม่ได้ถ้าไม่มีเครื่องมือ ทางมูลนิธิเลือกที่จะใช้ยานอวกาศชื่อเซนตินอล (หรือ Sentinal) ซึ่งถือเป็นยานอวกาศลำแรกของโลกที่สร้างขึ้นจากการร่วมทุนโดยมูลนิธิ เมื่อยานถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศแล้ว ยานจะโคจรรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เส้นทางคู่ขนานไปกับทางโคจรของดาวศุกร์ ดวงตาของเซนตินอลคือกล้องรับคลื่นอินฟราเรดขนาด 50 เซนติเมตร ความละเอียด 24 ล้านพิกเซล พูดคร่าวๆ คือกล้องตรวจจับคลื่นความร้อน หลักการเดียวกันกับพระเอกภาพยนตร์แอคชันที่ใช้ตรวจหาผู้ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก่อนที่จะบุกเข้าไปปราบนั้นเอง ที่ต้องใช้กล้องแบบนี้ ก็เนื่องจากอุกกาบาตมองไม่เห็นหรือมองเห็นได้ยากถ้าหากใช้แสง (visible light) แต่จะมองได้ง่ายกว่าหากตรวจจับความร้อนของพวกมัน กล้องของยานถูกออกแบบให้สามารถตรวจจับอุกกาบาตที่มีอุณหภูมิ 133 องศาเซลเซียส ขึ้นไป


ส่วนประกอบต่างๆ ของเซนติเนล


     ขณะปฎิบัติการ ยานเซนตินอลจะใช้เวลาถ่ายภาพอุกกาบาตเป็นเวลา 12 ชั่วโมง ในรอบทุกๆ 26 วัน ข้อมูลภาพที่รวบรวมได้จะส่งต่อผ่านระบบ deep-space network ขององค์การนาซา กลับสู่ศูนย์ควบคุม Sentinal Operation Center ภาพถ่ายจะถูกนำมาวิเคราะห์และตีความ ภาพถ่ายแต่ละภาพที่มีเวลาห่างกัน 26 วัน เมื่อนำมาเรียงต่อกัน จะทำให้มองเห็นเส้นทางการเคลื่อนที่ของอุกกาบาต จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการคำนวณ เพื่อหาเส้นทางโคจรที่พวกมันกำลังเดินทาง หากมีข้อมูลมากพอ ทางโคจรที่คำนวณได้จะยิ่งมีความแม่นยำ อาจทำให้เราสามารถทำนายตำแหน่งของพวกมันในอีก 100 ปีข้างหน้า หรือมากกว่านั้นได้ อุกกาบาตทั้งหลายจะอยู่ในสายตาของนักดาราศาสตร์ราวกับเอาระบบสุริยะมาไว้ในฝ่ามือ หากมีอุกกาบาตดวงใดส่อแววว่าจะชนโลกในอนาคต อุกกาบาตดวงนั้นจะถูกตีตราว่า “วายร้าย” มันจะถูกเฝ้าจับตามองเป็นพิเศษ ข้อมูลของมันจะถูกส่งต่อให้รัฐบาล และหาทาง “กำจัด” มันออกไป นอกจากนั้นแล้วผลพลอยได้ของภารกิจนี้คือการสำรวจสินแร่ที่ซุกซ่อนอยู่ใน อุกกาบาต ต้องอย่าลืมว่าอุกกาบาตนั้นจริงๆ แล้วก็คือก้อนหินที่กำเนิดขึ้นมาพร้อมๆ กับระบบสุริยะและโลก และอยู่ในสภาพแวดล้อมอันสุดโต่งของอวกาศเป็นเวลาหลายล้านปี ทำให้มันอาจมีธาตุสำคัญที่หายากบนโลก หรือสารประกอบของธาตุแปลกๆ ที่มนุษย์ยังไม่เคยเห็น ในตรงข้ามกับ “วายร้าย” หากเซนติเนลพบว่าอุกกาบาตดวงใดอุดมไปด้วยสินแร่ มันจะถูกตีตราว่า “ขุมทรัพย์” มันจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ รอวันที่มวลมนุษย์พร้อมที่จะทำเหมืองแร่อวกาศ ไม่ว่าจะอีกกี่ปี ไม่ว่ามันจะอยู่ไหน เราก็จะหา “ขุมทรัพย์” พบอย่างง่ายดาย

 
 เตรียมระบบกำจัด "วายร้าย" ให้พร้อมในยามฉุกเฉิน เตรียมระบบกอบโกย "ขุมทรัพย์" เพื่อชดเลยทรัพยากรโลกที่หมดไป
 

     มูลนิธิ B612 มีเป้าหมายที่จะส่งยานเซนตินอลขึ้นเพื่อทำแผนที่อุกกาบาตที่มีวงโคจรอยู่ใกล้หรือตัดกับทางโคจรโลก ปัจจุบันทางมูลนิธิกำลังรวบรวมทุนและสร้างยานเซนติเนล จะใช้เวลาทั้งหมด 5 ปีครึ่ง ตัวยานจะถูกส่งขึ้นสู่อวกาศในปี พ.ศ. 2559 ถึง 2560 ทางมูลนิธิหวังว่าเมื่อภารกิจนี้จะช่วยให้เราสามารถยืนยันตำแหน่ง ความเร็ว และทางโคจรของอุกกาบาตได้กว่าร้อยละ 90 ของทั้งหมด คอยมองหา “วายร้าย” ที่อาจจะเข้าทำลายโลกของพวกเรา และคอยมองหา "ขุมทรัพย์" เพื่อทดแทนทรัพยากรของโลกที่กำลังจะหมดไปทำให้มูลนิธินี้ได้รับการกล่าวขานว่ากำลังทำภารกิจปกป้องโลกนั้นเอง

เรียบเรียงจาก
Peter Gwynne. Privately funded spacecraft will look for dangerous asteroids. http://physicsworld.com. Jun 28, 2012

เว็บไซต์ของมูลนิธิ B612
http://b612foundation.org/

 อ้างอิงจาก http://www.vcharkarn.com/varticle/43926

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น