
ดาวพัลซาร์และดาวบริวารซึ่งอยู่ในดาราจักรทางช้างเผือก อยู่ห่างจากโลก 4,000 ปีแสง ในกลุ่มดาวงู
เชื่อหรือไม่ว่า ในดาราจักรทางช้างเผือกของเรานั้น มีเพชรขนาดใหญ่เท่าดาวเนปจูน ซึ่งดาวเคราะห์เพชรนี้อยู่ห่างจากโลกไปเพียง 4,000 ปีแสงเท่านั้น
นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวเคราะห์ที่มีมวลมากดวงหนึ่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ในรูปของของแข็งที่มีลักษณะเป็นเพชรซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าโลก
ดาวเคราะห์เพชรดวงนี้โคจรรอบดาวพัลซาร์ พีเอสอาร์ เจ 1719-1438 (PSR J1719-1438) ซึ่งค้นพบโดยคณะนักวิจัยนานาชาติที่ใช้กล้องโทรทรรศน์ไซโร (CSIRO) ของหอดูดาวพากส์ในออสเตรเลีย การสำรวจของคณะนี้ทำโดยถ่ายภาพตามจุดต่าง ๆ ของท้องฟ้าต่างกัน 90,000 จุด แต่ละจุดใช้เวลารับแสงนาน 9 นาที
แต่ว่าดาวพัลซาร์ซึ่งเป็นดาวแม่ของดา่วเคราะห์เพชรดวงนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? ดาวพัลซาร์เกิดขึ้นเมื่อดาวฤกษ์ซึ่งมีมวลมากได้ยุบลงไปเป็นดาวนิวตรอน ดาวพัลซาร์ทั่วไปมีเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 20 กิโลเมตร ดาวพัลซาร์จะยิงคลื่นวิทยุออกมาเป็นลำและกวาดออกไปในอวกาศ หากลำนั้นชี้มายังโลก และมีกล้องโทรทรรศน์ส่องอยู่ที่ตำแหน่งนั้น กล้องก็จะมองเห็นคลื่นวิทยุแผ่ออกมาเป็นพัลส์ช่วงสั้น ๆ หากพัลซาร์นั้นมีดาวเคราะห์โคจรรอบอยู่ด้วย แรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์จะรบกวนพัลส์นี้ซึ่งตรวจจับได้ และนี่คือสาเหตุที่นักดาราศาสตร์ตรวจพบดาวเคราะห์เพชรดวงนี้ซึ่งโคจรรอบพัลซาร์ นอกจากนี้นักดาราศาสตร์พบอีกว่าดาวพัลซาร์นี้เป็นดาวที่มีดาวเคราะห์โคจรรอบๆ เป็นบริวารมากถึงร้อยละ 70 ของดาวพัลซาร์ทั้งหมด
จากการวิเคราะห์การกล้ำของพัลส์วิทยุ ทำให้สามารถวัดคาบของการโจรรอบดาวพัลซาร์ซึ่งเป็นดาวแม่ ระยะห่างจากดาวแม่ และขนาดของดาวบริวารดวงนี้ได้ พบว่าดาวบริวารนี้มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 60,000 กิโลเมตร ซึ่งแม้ว่าดาวเคราะห์ดวงนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่มันก็มีความหนาแน่นมากกว่าดาวพฤหัสบดีที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 142,984 กิโลเมตร
เมื่อนักดาราศาสตร์ทำการวัดและวิเคราะห์รูปแบบการโคจร รวมทั้งมวลที่ไม่ธรรมดาของดาวเคราะห์ดวงนี้แล้ว นักดาราศาสตร์จึงคาดว่าที่มาที่ไปของดาวเคราะห์ดวงนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน และแล้วนักดาราศาสตร์ก็พบว่า ดาวบริวารดวงนี้เคยเป็นหนึ่งในดาวพัลซาร์แฝดที่เคยโคจรรอบกันและกันมาก่อน (bizarre binary system) และต่อมาดาวพัลซาร์ดวงนี้ได้ลดขนาดลงกลายเป็นดาวที่มีแต่แกนซึ่งเป็นเพชร
เมื่อดาวพัลซาร์ทั้งสองโคจรรอบกันและกัน และต่อมาดาวทั้งสองก็ได้โคจรเข้าใกล้กันเรื่อยๆ จนกระทั่งดาวพัลซาร์ดวงหนึ่งได้ดึงดูดผิวของดาวฤกษ์ที่ประกอบด้วยธาตุเบาอย่างไฮโดรเจนและฮีเลียมไป เิหลือแต่แกนซึ่งเป็นคาร์บอนแข็ง และด้วยความดันมหาศาลจึงทำให้คาร์บอนแข็งอยู่ในรูปของเพชรนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตามเพชรที่อยู่บนดาวดวงนี้มีความหนาแน่นมากกว่าเพชรที่อยู่บนโลกมาก
ส่วนดาวพัลซาร์ J1719-1438 เมื่อสิ้นสุดกระบวนการแย่งสสารก็เข้าสู่ภาวะสมดุล เป็นพัลซาร์มิลลิวินาทีที่หมุนรอบตัวเองเร็วถึง 10,000 รอบต่อนาที
ที่มา : DiscoveryNews
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น