
ภาพ: Mayo Clinic
นักวิทยาศาสตร์สหรัฐประจำศูนย์มาโย คลินิก เผยความก้าวหน้าในการวิจัยเพื่อหาทางต่อสู้กับไวรัสเอชไอวี ต้นตอโรคเอดส์ โดยอาศัยผลการทดลองที่ได้จากแมวเรืองแสง
นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในสหรัฐอเมริกา ได้ทำการทดลองโดยการนำแมวมาตัดต่อพันธุกรรมด้วยยีน 2 ชนิด คือยีนที่ผลิตโปรตีนต้านเอดส์ เรียกว่า "Feline immunodeficiency virus" หรือ "เอฟไอวี" และการใช้ยีน จีพีเอฟ (GFP) ซึ่งเป็นยีนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในแมงกะพรุนเรืองแสง ซึ่งทำให้แมวเกิดการเรืองแสงสีเขียว เมื่อถูกส่องด้วยแสงอัลตราไวโอเลตเพื่อติดตามการทำงานของยีน
การทดสอบลูกแมวเรืองแสงพบว่า ต้านการติดเชื้อได้ดี ในขณะที่มีลูกแมว 2 ตัวสืบพันธุ์มีลูกได้ โดยที่ลูกแมวยังคงมียีนใหม่อยู่ แต่การทดลองดังกล่าวถูกติงว่า กระทบต่อสวัสดิภาพสัตว์มากเกินไป และเตือนว่าให้ลดจำนวนสัตว์ทดลองลงให้มากกว่านี้
ทั้งนี้ การส่องด้วยแสงอัลตราไวโอเลตนั้นเพื่อตรวจสอบความสามารถว่าแมวนั้นสามารถผลิตโปรตีนรักษาเอดส์ได้เช่นเดียวกับลิงแสมหรือไม่ โดยยีนที่ได้จากโปรตีนและแมงกระพรุนเรืองแสงจะทำงานสัมพันธ์กัน โดยยีนเรืองแสงจากแมงกระพรุนใช้สำหรับติดตามการทำงานของยีนอีกชนิดหนึ่ง
โดยขั้นตอนเริ่มจาก นักวิจัยใช้ไวรัสที่ไม่มีอันตรายถ่ายโอนยีนเข้าไปในไข่ของแมวตัวเมียที่นำออกมาระหว่างการทำหมัน จากนั้นนำไข่ไปปฏิสนธิในหลอดทดลอง (IVF) และนำฝังในแม่อุ้มบุญ โดยทำการทดลองมากถึง 22 ครั้งจึงได้ลูกแมว 5 ตัว แต่รอดชีวิตเพียง 3 ตัว โดยมี 2 ตัวสุขภาพดี แต่อีก 1 ตัว มีปัญหาสุขภาพแต่นักวิจัยไม่เชื่อว่าเกิดจากการดัดแปลงยีน
อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาได้ทดลองฉายแสงอัลตราไวโอเลตบนตัวลูกแมวพบว่า สามารถเรืองแสงได้ ซึ่งช่วยยืนยันได้ด้วยว่า มีการผลิตโปรตีนอยู่ในเนื้อเยื่อ เมื่อนำเซลล์ลูกแมวเหล่านี้ออกมาทดสอบพบว่า สามารถต้านการติดเชื้อไวรัสเอดส์ในแมวหรือ FIV ได้ดีกว่าเซลล์จากแมวปกติ ในขณะที่มีลูกแมว 2 ตัวสามารถสืบพันธุ์มีลูกได้ โดยที่ลูกแมวรุ่นหลังทั้งหมดยังคงมียีนใหม่อยู่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น