วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

ข่าวโครงการวิจัยปฏิสสาร ตอน2 และ สรุป

รายงานทีมวิจัย ALPHA ที่ตีพิมพ์ลงในหนังสือ CERN COURIER ฉบับ Volume 51 Number 2 ประจำเดือน มีนาคม 2011 ได้กล่าวในตอนท้ายว่า ตอนนั้น (ปี 2010) พวกเขาสามารถกักแอนติไฮโดรเจนไว้ได้ไม่เกิน 172 มิลลิวินาที สิ่งที่พวกเขาจะทำในปี 2011 คือการพัฒนาเทคนิคในการลดพลังงานของโพสิตรอน เพื่อที่จะสร้างแอนติไฮโดรเจนให้ได้พลังงานต่ำยิ่งกว่านี้


จนกระทั่ง วันที่ 5 มิถุนายน ปี 2011 ทีมวิจัย ALPHA ก็ตีพิมพ์ความก้าวหน้าลงในวารสาร Nature Physics และ CERN Press Release เป็นรายงานการสร้างและกักเก็บแอนติไฮโดรเจนราว 300 อะตอม ไว้ได้ 1000 วินาที

      การที่นักวิทยาศาสตร์สามารถเก็บแอนติไฮโดรเจนไว้ได้นานระดับนี้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถทำการทดลองวัดสเปคตรัมของแอนติไฮโดรเจนด้วยเลเซอร์หรือคลื่นไมโครเวฟ แนะนำผลการวัดมาเปรียบเทียบกันสเปคตรัมของไฮโดรเจน ถ้าหากสมบัติของแอนติไฮโดรเจนสามารถอธิบายด้วยฟิสิกส์แบบเดียวกับไฮโดรเจนแล้ว สเปคตรัมของแอนติไฮโดรเจนเทียบกับไฮโดรเจนจะต้องเหมือนกัน

อีกหนึ่งการทดลองที่จะทำกับแอนติไฮโดรเจนคือการดูพฤติกรรมของแอนติไฮโดรเจนในสนามโน้มถ่วง ซึ่งการทดลองนี้จะเริ่มในเร็วๆนี้โดยทีมวิจัย AEGIS



สรุป

นักวิทยาศาสตร์ใช้ความรู้เรื่องจักรวาลวิทยาและฟิสิกส์อนุภาคในการเรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ของเอกภพ ในปัจจุบันก็ได้มีประวัติศาสตร์ของเอกภพถือว่าเป็นแบบมาตรฐานในปัจจุบัน ตามที่อธิบายไว้ในหน้าที่สอง ประวัติศาสตร์นี้ยังมีปัญหาอยู่อีกมาก หนึ่งในปัญหาคือ การหายไปของปฏิสสาร ในปัจจุบัน องค์กร CERN มีโครงการที่จะสร้างและกักเก็บปฏิสสารเพื่อการวิจัย ตอนนี้ทีมวิจัย ALPHA แห่ง CERN สามารถ สร้างและกักเก็บอะตอมของปฏิสสารนั้นคือแอนติไฮโดรเจนไว้ได้นานถึง 1000 วินาที จากนั้น พวกเขามีแผนที่จะทดลองแอนติไฮโดรเจนที่เก็บไว้ได้นี้ โดยการทดลองจะเป็นการทดลองเพื่อดูว่าแอนติไอโดรเจนและไฮโดรเจนมีพฤติกรรมสอดคล้องกับฟิสิกส์เดียวกันหรือไม่ การทดลองดังกล่าวเป็นการทดลองที่ให้ความแม่นยำสูง ถ้าแอนติไฮโดรเจนมีพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่เหมือนกับไฮโดรเจนแล้ว นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าพวกเราจะตรวจวัดความแตกต่างนั้นได้ และจะศึกษาต่อไปว่าเราจะปรับปรุงความรู้ด้านฟิสิกส์อนุภาคที่มีได้อย่างไร และความต่างนั้นจะมีความเชื่อมโยงกับกลไกธรรมชาติที่ทำให้ปฏิสสารหายไปจากเอกภพหรือไม่

อ้างอิงจาก http://www.vcharkarn.com/varticle/43012

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น