
.gif)
ขนาดของรอยเท้าทางนิเวศน์ของบุคคลขึ้นอยู่กับปัจจัย ขึ้นอยู่กับว่าบุคคลนั้นมีชีวิตประจำวันแบบใด ตากปกติแล้วผู้มีฐานะมักจะใช้พลังงานมากกว่า เพราะมีทรัพย์สินต่างๆ มากกว่า เช่นบ้าน รถยนต์ อาหาร และมักจะใช้อย่างไม่รู้คุณค่า ทำให้เกิดมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมได้ บ่อยครั้งกว่า ความจริงแล้วนั้นคนทุกคนแม้กระทั่งคนยากจนซึ่งมีความจำเป็นต้องดำรงชีวิตอยู่ก็เป็นผู้สร้างรอยเท้าทางนิเวศน์ขึ้นเช่นกัน การดำรงชีวิตของคนเหล่านี้มีส่วนในการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ผลกระทบจะมีเพียงเล็กน้อย แต่จำนวนคนที่มากมายทำให้รอยเท้าทางนิเวศน์รวมกันเป็นขนาดใหญ่ได้
.gif)
คนจำนวนมากได้รับการบอกเล่าให้ใช้ถุงกระดาษพลาสติก แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าถุงพลาสติก 2 ถุงใช้พลังงานโดยรวมน้อยกว่าถุงกระดาษ 1 ใบถึง 13% และทำให้เกิดมลภาวะน้อยกว่าถึง 72% แต่สิ่งที่สำคัญคือเราจึงต้องนำถุงพลาสติกกลับมาใช้ใหม่หลายๆครั้ง เพื่อทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้น หรือเปลี่ยนมาใช้ถุงผ้าแทน
รอยเท้าทางนิเวศน์ในเอเชีย – แปซิฟิค มีขนาดใหญ่กว่าความสามารถทางชีวภาพที่เป็นอยู่ 1.7 เท่า ซึ่งหมายความว่าภูมิภาคนี้ต้องมีพื้นที่มากขึ้นอีก 1.5 เท่า เพื่อรองรับการบริโภคทรัพยากร
นักเรียนหนึ่งคนเดินทาง 5 กิโลเมตรเพื่อไปโรงเรียนต้องใช้ที่ดินในแง่นิเวศน์วิทยาเพิ่ม 122 ตารางเมตรสำหรับการเดินทางด้วยจักรยานยนต์ 301 ตารางเมตร สำหรับรถประจำทางและ 1,422 ตารางเมตรสำหรับรถยนต์
การปลูกพืชในเรือนกระจกให้ผลผลิตในแง่เศรษฐกิจสูงกว่ามาก แต่ถ้าดูผลกระทบด้านนิเวศน์วิทยามันทำให้เกิดรอยเท้าทางนิเวศน์ที่ใหญ่กว่าการปลูกในไร่ 10 – 20 เท่า
.jpg)
รอยเท้าทางนิเวศน์ของอาหารมีความผันแปรมาก รอยเท้าทางนิเวศน์ของอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์มีขนาดใหญ่กว่ารอยเท้าทางนิเวศน์ของอาหารที่ทำจากพืชสามเท่า ยังมีความต้องการทรัพยากรอีกมากเพื่อใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อสัตว์และพืช
คงถึงเวลาแล้วที่ทุกคนต้องหันมาย้อนดูรอยเท้าทางนิเวศน์ของตนเองอย่างจริงจังกันเสียที เพื่อให้ทุกก้าวเดินของเราเป็นการก้าวเดินเพื่อตนเองและเพื่อโลกที่สวยงาม
อ้างอิงจาก http://www.vcharkarn.com/varticle/43623
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น