
อีกไม่นานนี้ ผู้พิการแขนและขาจะสามารถ"เขียนหนังสือ"ได้ด้วยตาแล้ว ด้วยเทคโนโลยีล่าสุดของนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส
เทคโนโลยีการเขียนด้วยสายตานี้จะจับกลไกของกล้ามเนื้อประสาทให้ทำสิ่งที่ดูไม่น่าเป็นไปได้ให้เป็นไปได้ นั่นคือ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวในทิศทางที่แปลกๆได้อย่างนิ่มนวล
"สำหรับคนที่แขนขาขยับไม่ได้ เทคโนโลยีนี้คือคำตอบที่ทำให้การสื่อสารทางภาษาและความรู้สึกเกิดขึ้นได้เร็ว สร้างสรรค์ และมีความจำเพาะกับคนๆนั้น" ดร.ชอง โลรองโก้ ผู้อำนวยการหน่วยวิจัยของ Centre National de la Recherche Scientifique (CNRS) ฝรั่งเศสเผยในวารสารวิชาการ Current Biology
เทคโนโลยีของ ดร.โลรองโก้นี้จะติดอุปกรณ์ตรวจจับการเคลื่อนไหวของสายตาในช่วงคลื่นอินฟราเรดไว้ที่ศีรษะ เพื่อบันทึกการเคลื่อนไหวของตา และใช้ซอฟต์แวร์ในการสร้างการแสดงผลเสมือนที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบได้
นักวิจัยให้ผู้ทดสอบฝึกซ้อม 30 นาทีเป็นเวลา 3 ครั้ง และผู้ทดสอบส่วนใหญ่ก็รู้สึกว่า สายตาสามารถคัดลายมือต่อๆกันไปได้อย่างราบลื่น ตลอดจนเขียนตัวเลข และลายเซ็นบนจอเสมือนได้อย่างสวยงาม
ในการเขียนนี้ ผู้ทดสอบจะไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรที่เขียนได้ แต่จะเป็นเพียงแค่ภาพสีดำและขาวที่กระพริบสลับไปมาบนจอสีเทา คล้ายกับหมึกที่มองไม่เห็น
จุดเหล่านี้จะทำให้เกิดภาพลวงตาที่เรียกว่า "reverse phi motion" (ดูตัวอย่างได้จากคลิปประกอบ) ที่ทำให้รู้สึกเหมือนกับว่า จอกำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับสายตา
ดร.โลรองโก้ ชี้ว่า ภาพลวงตาเหล่านี้เองที่ทำให้ผู้ทดสอบมีการเคลื่อนไหวของสายตาที่ราบลื่นไปในทิศทางที่ต้องการ
ดร.โลรองโก้ อธิบายว่า เราสามารถติดตามรถที่กำลังเคลื่อนที่ได้อย่างราบลื่น แต่ฉากหลังที่ไม่ได้เคลื่อนที่ไปด้วยอย่างตึกรามบ้านช่อง ตาจะมีการเคลื่อนไหวแบบ "กระตุก" หรือที่เรียกว่า saccade (ตาเคลื่อนไหวเร็ว) เนื่องจากว่าตามักจะสนใจเฉพาะส่วนที่เป็นจุดๆเท่านั้น
"ถ้าคุณพยายามจะเคลื่อนไหวสายตาให้ราบลื่น บอกได้เลยว่าเป็นไปไม่ได้หรอก" ดร.โลรองโก้ชี้ "ระบบเสมือนที่เรามีจำเป็นจะต้องมีเป้าหมายที่เคลื่อนที่ (เพื่อให้ตามีการเคลื่อนไหวที่ราบลื่น) "
โดยทั่วไปแล้ว คนจะรู้ว่าสิ่งที่มองอยู่นั้นคืออะไร แต่จะไม่รู้ตัวว่าตากำลังเคลื่อนที่ไปอย่างไร
"การแสดงผลนี้ออกมาตรงกันข้ามเลย คุณจะไม่ได้สนใจสิ่งที่คุณเห็น แต่จะสนใจว่าคุณเคลื่อนไหวสายตาอย่างไร" ดร.โลรองโก้อธิบาย
นักวิจัยเชื่อว่า หากให้ผู้ทดสอบฝึกบ่อยๆ จะช่วยให้คนที่มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้สามารถควบคุมสายตาตนเองได้ และจะช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญที่ต้องมีสายตาที่ดีอย่างศัลยแพทย์และนักกีฬา สามารถทำหน้าที่ได้ยอ่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยเชื่อว่า การฝึกซ้อมอาจไม่ได้ผลกับทุกคน โดยในการทดลองฝึกคน 6 กลุ่มนั้น มีเพียง 4 กลุ่มเท่านั้นที่มีการควบคุมสายตาที่ดีขึ้น
ทางด้านรองศาสตราจารย์ไมค์ ฮอร์สลีย์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อเทคนิคการเรียนรู้และการศึกษา มหาวิทยาลัยซีคิว ชี้ว่า งานวิจัยชิ้นนี้เป็นงานวิจัยที่ล้ำค่าและจะมีประโยชน์ในอนาคต
"เขามองการเคลื่อนไหวของตาแบบรวดเร็วนี้ในมุมที่แตกต่างออกไป"
"ก้าวต่อไปของ ดร.โลรองโก้ และทีมงานก็คือ ใช้เป้าหมายให้มากขึ้นดูว่าคนสามารถทำอะไรกับมันได้"
รศ.ฮอร์สลีย์ บอกว่า งานวิจัยเรื่องการตรวจจับการเคลื่อนไหวของสายตานั้นกำลังเติบโตอย่างมากในวงการตรวจจับการเคลื่อนไหวของตาในออสเตรเลีย และอีกไม่นานนี้ น่าจะมีการประยุกต์นำงานวิจัยเรื่องการตรวจจับสายตามาใช้ได้อย่างน่าทึ่ง
แปลจาก: http://www.abc.net.au/science/articles/2012/07/27/3554096.htm
อ้างอิงจาก http://www.vcharkarn.com/vnews/154464
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น