วันอังคารที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2554

นักวิทย์เริ่มเข้าใจ'แสงผี'ในชั้นบรรยากาศ

นานมาแล้วที่นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถไขปริศนาของแสงสว่างวาบขึ้นมาที่เรียกว่า Sprite (ผี) ตามชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลก แต่ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์เมืองลุงแซมเริ่มเข้าใจแล้ว
 Sprite แท้จริงแล้วเป็นประจุไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นเหนือเมฆฝนฟ้าคะนองหรือเมฆคิวมูโนนิมบัส มีลักษณะเป็นแสงสีแดงรูปร่างแปลกประหลาด เห็นได้ชัดเจนบนท้องฟ้ายามค่ำคืน Sprite จะเกิดขึ้นจากการคายประจุบวกของสายฟ้าที่ผ่าลงพื้นดิน Sprite มักจะพบอยู่ที่ความสูง 50-90 กิโลเมตรจากพื้นดิน ซึ่งอยู่สูงกว่าชั้นเมฆของเรามาก มีรายงานการค้นพบ Sprite ตั้งแต่ปี 1886 แต่มีการถ่ายภาพได้ครั้งแรกในปี 1989 โดยนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยมินนิโซต้า และหลังจากนั้นก็มีภารถ่ายภาพวิดีโอได้
 หลายครั้งมีคนเข้าใจผิดว่า Sprite เป็นฟ้าผ่าในบรรยากาศชั้นบน แต่ความจริงแล้ว Sprite เป็นปรากฏการณ์ของพลาสมาเย็นต่างหาก แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่เข้าใจธรรมชาติของมันมากนัก
 "มีคนพูดถึงแสงพวกนี้หลายครั้งเลย" ดร.ฮันส์ สเตนแบค-นีลสัน นักธรณีฟิสิกส์ มหาวิทยาลัยแอลาสกา "นักบินบางคนก็เห็น แต่ย้อนกลับไปต้นยุค 90 ไม่มีนักบินคนไหนอยากจะบอกเลยว่าพวกเขาเห็นอะไรมา เพราะมันจะทำให้พวกเขาและคนอื่นๆจิตตกยิ่งกว่าเดิม"
 ล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ได้รู้แล้วว่า Sprite ที่ว่านี้เกิดขึ้นมาได้อย่างไร นอกจากนี้ยังสามารถ "จับ" เอาไว้ได้ด้วย รวมถึงสามารถค้นพบแหล่งที่เกิดแสงเหล่านี้ แถบภาคกลางของสหรัฐอเมริกาในช่วงหน้าร้อนนี้อีกด้วย โดยงานวิจัยชิ้นนี้ได้มีการนำเสนอในงานประชุมวิชาการสหพันธ์ธรณีฟิสิกส์อเมริกาที่จัดขึ้น ณ นครซาน ฟรานซิสโก แล้ว
 ในการวิจัยนั้น นักวิจัยได้ใช้กล้องความเร็วสูงติดไปกับเครื่องบินสองลำ กล้องนี้จะทำให้นักวิจัยจับภาพสามมิติของ Sprite เหล่านี้ได้เป็นครั้งแรก ทั้งที่แสงนี้สว่างอยู่เพียงแค่ 10 มิลลิวินาทีเท่านั้น แล้วก็หายไป
 ดร.สเตนแบค-นีลสัน เผยว่า แสงวาบเหล่านี้เกี่ยวข้องกับสายฟ้าในชั้นบรรยากาศด้านล่าง ความสว่างของมันยิ่งกว่าดาวศุกร์เสียอีก นับเป็นวัตถุท้องฟ้าที่สว่างเป็นอันดับสาม รองจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์
 Sprite เหล่านี้ส่วนใหญ่จะแผ่รังสีในช่วงแสงความยาวคลื่นต่ำกว่าสีแดงซึ่งเกินขีดจำกัดที่มนุษย์จะมองเห็น แต่ผลกระทบที่เกิดจากมันนั้นแผ่ขยายเป็นวงกว้าง Sprite เหล่านี้มักจะก่อให้เกิดปรากฏการณ์สายฟ้าตามมาหรือที่เรียกว่า ลำแสง ซึ่งมีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับบรรยากาศชั้นล่าง
 "สิ่งที่เราไม่เข้าใจก็คือสิ่งที่เกิดขึ้น" ดร.สเตนแบค-นีลสัน บอก "เมื่อคุณมองไปที่ Sprite เหล่านี้ จะมีพลังงานมากมายเลยที่เกี่ยวข้องกับมัน และก็อาจจะมีความเกี่ยวเนื่องกันระหว่าง Sprite กับเมฆระดับล่างที่ปกคลุมชั้นบรรยากาศ ซึ่งก็อาจจะเป็นแบบที่ว่านี้ทั่วโลกเลยก็เป็นได้"
 ขณะที่ศาสตราจารย์ยูคิฮิโระ ทาคาฮาซิ นักวิจัยที่ภาควิชาเอกภพวิทยา มหาวิทยาลัยฮ็อกไกโด ประเทศญี่ปุ่นเสนอว่า "มันอาจจะมีบทบาทสำคัญต่อแสงอาทิตย์และภูมิอากาศของโลกด้วย"

 นอกจาก Sprite จะมีผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของอากาศแล้ว Sprite ยังมีพลังงานเพียงพอที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีในชั้นบรรยากาศด้วย เช่น การเกิดไนโตรเจนออกไซด์จากการทำปฏิกิริยากับโอโซน
 "แต่เดิม เราเคยคิดว่าสภาวะอากาศที่ภาคพื้นจะแยกกับสภาวะอากาศในอวกาศ" ดร.กอฟฟรีย์ แม็คฮาร์ก ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฟิสิกส์อวกาศและบรรยากาศ กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกากล่าว "มันกลายเป็นว่า ส่วนที่อยู่ตรงกลางอาจจะมีอะไรที่ทำให้เราต้องปรับความเข้าใจพื้นฐานกันใหม่ก็เป็นได้"



อ้างอิงจาก http://www.vcharkarn.com/vnews/154120

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น